พลังงานทดแทน คืออะไร มีอะไรบ้าง ประโยชน์ของพลังงานทดแทน
พลังงานเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก โลกของเราขับเคลื่อนไปได้ด้วยพลังงาน โดยมีการใช้พลังงานหลากหลายประเภทด้วยกัน แต่พลังงานบางอย่างก็มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงต้องมีการค้นหาและใช้พลังงานทดแทน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า พลังงานทดแทนคืออะไร และมีอะไรบ้าง….?
พลังงานทดแทนคืออะไร
“พลังงานทดแทน” หรืออาจะเรียกได้ว่า “พลังงานทางเลือก” คือพลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถนำมาใช้ทดแทนพลังงานแบบเดิมได้อย่างไม่จำกัด โดยพลังงานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานที่ได้จากฟอสซิลเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ถ่านหิน ปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งเป็นปัญหาของภาวะโลกร้อนนั่้นเอง
พลังงานทดแทนมีอะไรบ้าง
โดยในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกพยายามศึกษาและค้นหาพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และมีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าพลังงานแบบเดิม เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมของโลก รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน
ดังนั้นพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก จึงเป็นพลังงานที่สามารถนำมาใช้ทดแทนพลังงานแบบเดิมได้อย่างไม่จำกัด ทั้งยังหาได้จากธรรมชาติและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนพลังงาน รวมทั้งลดมลพิษอีกด้วย
E85 ...ทีเด็ดพลังงานทางเลือก
ถ้าพูดถึง คำว่า E85 แล้ว เราหลายคนน่าจะรู้จักมันพอสมควร บ้าง แต่ E85 เป็นชื่อที่ทดแทนจากการเรียกตามสวนผสมขงน้ำมันพลังงานทางเลือก ซึ่งใช้เอทานอลซึ่งเป็นแอลลกฮอล์ที่ได้จากการสกัดจากพืช ผสมเข้ากับเนื้อน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน
น้ำมัน E85 ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป และเช่นเดียวกับในบางประเทศในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะในบราซิล ซึ่งค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องพลังงานทางเลือกตัวนี้ ส่วนในประเทศไทยพลังงานทางเลือก E85 ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่เพิ่งจะมานิยมในพักหลัง เนื่องจากการรองรับของรถยนต์ที่มีมากขึ้นในตลาดปัจจุบัน
ข้อดีของ E85 ไม่บอกก็คงรู้ว่ามันมีราคาค่อนข้างถูกพอสมควร เมื่อเทียบกับน้ำมันทั่วไป จนพูดได้อย่างเต็มปากว่ามีความแตกต่างทางด้านราคาจนน่าพอใจ
แต่แม้จะเป็นน้ำมันที่มีราคาถูกจนน่าใจหาย ซึ่งแม้แต่คอแก๊สยังชายตามามอง แต่กลับมีสมรรถนะในการจุดวาบไฟหรือขุดระเบิดที่ดีกว่าด้วยค่าออกเทนถึง 105 ดีกว่าน้ำมันธรรมดาเสียอีก และยังปล่อยไอเสียต่ำกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะได้รับความนิยม
ที่มา : http://www.autodeft.com
|